วันเสาร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2552

แปลก ๆ ฮาๆ กับ ครั้งแรก

แปลก ๆ ฮาๆ กับ ครั้งแรก
วันนี้จะนำครั้งแรกที่ทุกๆคนอาจเคยผ่านมานะค่ะ มาดูกันค่ะ ว่าจะเหมือนที่เราเคยทำรึป่าว

ครั้งแรกที่อ่านหนังสือ





ครั้งแรกที่ควบคุมตัวเองไม่ได้






ครั้งแรกที่แอบดู







ครั้งแรกที่หุนหันพลันแล่น





ครั้งแรกกับจูบแรก







ครั้งแรกที่บึ่งอย่างเมามัน








ครั้งแรกที่เป็นนายแบบ









ครั้งแรกที่อยากเป็น Hero













ครั้งแรกที่ดื่มมากไปหน่อย











ครั้งที่ควงสาว












ครั้งแรกที่เข้า แมคโดนัล









ครั้งแรกที่เจออันธพาลหญิง













ครั้งแรกกับ Body Paint










ครั้งแรกกับพริตตี้












ครั้งแรกที่กินข้าวเอง












ครั้งแรกที่อาบน้ำ


วันศุกร์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ชายที่สูงที่สุดในโลก



เครก เกลนเดย์ บรรณาธิการกินเนสส์ เวิลด์ ออฟ เรคคอร์ดส์ กล่าวว่า กินเนสส์บุ๊กได้คืนตำแหน่งชายที่สูงมากสุดในโลกให้กับเป้าสี่ซุ่น อดีตแชมป์เมื่อปี 2005 หลังเสียตำแหน่งให้กับลีโอนิด สตัดนิก เจ้าของความสูง 257 เซนติเมตร เมื่อปี 2006 เนื่องจากกินเนสส์ได้ออกกฎใหม่ให้มีการวัดส่วนสูงทั้งในท่ายืนและท่านอน เพื่อพิจารณามอบตำแหน่งให้กับผู้ที่สูงมากที่สุด ซึ่งในขณะที่เป้าได้เข้ารับการวัดส่วนสูง แต่สตัดนิกปฏิเสธ และได้นำหลักฐานการวัดส่วนสูงโดยแพทย์ของเขามามอบให้กับกินเนสส์แทน “เราคิดว่าตำแหน่งดังกล่าวเป็นตำแหน่งที่มีความสำคัญมากกว่าที่จะอาศัยหลักฐานจากแพทย์เพียงอย่างเดียว ดังนั้นเราจึงตัดสินใจทำทุกอย่างให้รัดกุมขึ้นเพื่อไม่ให้เกิดคำถามตามมาในอนาคต” เกลนเดย์ กล่าวบรรณาธิการ กินเนสส์ เวิลด์ ออฟ เรคคอร์ดส์ กล่าวด้วยว่า กินเนสส์ได้ขอให้สตัดนิกเข้ารับการวัดส่วนสูงตั้งแต่ปี 2004 ซึ่งเป็นช่วงที่กินเนสส์ได้ยินข่าวเกี่ยวกับเขา โดยทั้งเสนอให้เจ้าหน้าที่บินไปหาเขาที่ยูเครน หรือให้เขาบินมาที่อังกฤษ แต่กลับได้รับการปฏิเสธ “สตัดนิก บอกกับเราว่าเขาไม่ต้องการถูกรบกวน จริงๆ แล้วก็คือเขาไม่ต้องการที่จะมีชื่อเสียงหรือเป็นที่รู้จัก” เกลนเดย์กล่าว สตัดนิก ซึ่งอาศัยอยู่กับแม่ของเขาในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งในยูเครนเคยให้สัมภาษณ์ว่า เขาแค่อยากมีชีวิตธรรมดา และมองความสูงของเขาว่าเป็นภาระมากกว่าเป็นโชค “โลกถูกสร้างมาสำหรับคนที่มีความสูงปานกลาง” สตัดนิกซึ่งอาศัยเงินบำนาญเดือนละ 100 ดอลลาร์ (3,395 บาท) และทำการเกษตรเล็กๆ น้อยๆ ประทังชีวิต กล่าว ตรงกันข้ามกับเป้าซึ่งชื่นชอบการมีชื่อเสียง และรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยที่ต้องเสียตำแหน่งแชมป์ชายร่างโย่งมากสุดในโลกให้กับสตัดนิก อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้เป้ายังไม่รู้ว่าตัวเขากำลังจะได้รับการประกาศให้เป็นชายที่สูงมากสุดในโลกอีกครั้งในกินเนสส์บุ๊ก ฉบับปี 2009 ซึ่งจะมีการนำออกเผยแพร่ในวันที่ 17 กันยายนนี้ “ก่อนหน้านี้ เป้าเป็นคนเลี้ยงแพะที่ใช้ชีวิตอย่างสันโดษ แต่หลังจากเขามีชื่อเสียงขึ้นมา เขาก็ได้แต่งงาน และมีชีวิตที่ดีขึ้นเรื่อยๆ” เกลนเดย์กล่าวถึงเป้าซึ่งกำลังจะกลายเป็นคุณพ่อคนใหม่ในปลายปีนี้

วันพุธที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ไก่ไร้หัว

ไก่ไร้หัว
"ไก่ไร้หัว"ใครจะไปเชื่อว่าไก่จะสามารถใช้ชีวิตอย่างปกติสุขได้ หลังจากที่คอถูกตัดขาดจากตัวได้นานถึง 18 เดือน!!! ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อละครับ เพราะเรื่องนี้ได้เกิดขึ้นแล้วที่ Fruita รัฐโคโลราโด สหรัฐอเมริกา เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2483 ในวันที่ 10 เดือนกันยายน ...เย็นวันนั้น สามีภรรยาครอบครัวโอลเซ่น (Olsen) ตั้งใจจะทำเมนูไก่เป็นอาหารมื้อค่ำ โดยเจ้าไมค์คือไก่เคราะห์ร้ายที่คู่สามีภรรยาเลือกเพื่อเป็นวัตถุดิบในการปรุงอาหารขึ้นโต๊ะ แต่เมื่อนายโอลเซ่นได้ลงคมมีดฟันคอเจ้าไมค์ฉับ!!! เลือดไก่กระจายลงเขียง และท่ามกลางกองเลือดไก่และเศษขนไก่นั้น นายโอลเซ่นก็ต้องตะลึงพรึงเพริดได้อย่างประหลาดใจเหลือจะกล่าว เมื่อเจ้าไมค์ที่ไม่มีหัวนั้นยังไม่ตายแถมโดดลงจากเขียงและพยายามจะวิ่งหนีไป ทีนี้นายโอลเซ่นเลยหมดความต้องการจะกินเจ้าไมค์ในทันใด (กินลงอีกก็แปลกล่ะ) ก็เลยเอาเจ้าไมค์ไปเก็บไว้ในเล้าตามเดิม
เช้าขึ้นอีกวัน เจ้าไมค์ก็ออกไปเดินเล่นคุ้ยเขี่ยดินตามปกติกับไก่ตัวอื่นๆ และหลังจากครอบครัวโอลเซ่นตกลงกันแล้วว่าจะเลี้ยงเจ้าไมค์เอาไว้ เพื่อให้มันมีชีวิตรอด พวกเขาป้อนอาหารและน้ำให้มันด้วยหลอดแก้วที่ใช้หยอดตา ผ่านทางหลอดอาหาร เพราะมันไม่มีปากจะกิน และแล้วเจ้าไมค์ก็สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติสุขตามประสาไก่ๆ (ไร้หัว) ของมัน จนกระทั่งกลางดึกของคืนวันหนึ่ง ครอบครัวโอลเซ่นป้อนอาหารเจ้าไมค์ตามปกติ แต่เจ้าไมค์ดันเกิดอาการสำลักอาหารจนขาดใจตายในเวลาต่อมา ซึ่งเมื่อรวมเวลาที่ไมค์ได้ใช้ชีวิตหลังจากถูกตัดคอไปจนกระทั่งตาย ยาวนานถึง 18 เดือนด้วยกัน พอเจ้าไมค์ตายเจ้าของก็เสียใจมาก เลยจัดตั้งวันไมค์ไก่ไร้หัว (Mike the headless Chicken Day) ขึ้นเพื่อรำลึกถึงเจ้าไมค์ที่จากไป...

วันอาทิตย์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

บาร์ด่าฟรี

บาร์ด่าฟรี
ถ้าคุณเครียดหรืออยากระบายอารมณ์ล่ะก็เชิญไปที่บาร์ของนาย เบอร์นาร์ด มาเรียซ เจ้าของบาร์เล็กๆชื่อ คาซาโปโซ ที่เพิ่งให้บริการใหม่ในเมืองชายทะเลกัลเลญา ประเทศ สเปน ภายนอกอาจจะเหมือนบาร์ทั่วๆไปแต่ที่ไม่ธรรมดาก็คือ บาร์แห่งนี้เป็นบาร์ให้ด่าฟรี
การบริการของบาร์แห่งนี้ก็คือ เมื่อลูกค้าคนไหนก็ตามก้าวเข้ามาในบาร์แห่งนี้แล้วด่าด้วยคำหยาบคายใส่นาย เบอร์นาร์ดเจ้าของบาร์ล่ะก็รับไปเลย เบียร์ฟรีหนึ่งแก้วพร้อมทั้งกับแกล้มจานเล็กอีกหนึ่งจาน
ถ้าบ้านเรามีบาร์แบบนี้ก็คงดีนะคะ ปัญหาครอบครัวก็จะลดไปได้ เพราะแทนที่จะกลับบ้านไปด่าลูกด่าเมียก็ด่าเจ้าของบาร์ซะให้สะใจไปเลย

วันศุกร์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ผู้หญิงที่เล็บยาวที่สุดในโลก


ผู้หญิงที่เล็บยาวที่สุดในโลก

เธอชื่อ Lee Redmond สาวใหญ่ชาวอเมริกัน วัย 65 ปี เจ้าของความยาวเล็บ 7.51 เมตรเธอไว้เล็บมากว่า 27 ปี โดยมีวิธีดูแลเล็บด้วยการใช้แปรงสีฟันทำความสะอาดซอกเล็บทุกวัน ในแต่ละวันเธอจะดูแลเล็บด้วยการใช้น้ำมันมะกอกอุ่นนวดเล็บและทำกิจวัตรประจำวันด้วยความระมัดระวัง เพราะต้องรักษาดูแลให้เล็บนั้นอยู่ในสภาพที่ดี

วันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

เรื่องแปลก น่ารู้



เรื่องแปลก น่ารู้
1. ไซบีเรียขายนมเป็นก้อนๆ

2. ถ้าตัดสมองเป็นสองส่วน คุณจะไม่รู้สึกเจ็บอีกต่อไป

3. ผลจากการสำรวจหญิงนิวยอร์พบว่ามากกว่า 26 เปอร์เซ็นต์เป็นสังคัง

4. สถิตการส่งพิซซ่าที่ไกลที่สุดในโลกคือ 19,950 กิโลเมตรโดยเป็นการส่งพิซซ่าโดยร้าน Vegetarian Supreme ในลอนดอน มายังเมลเบิร์น ออสเตเลีย

5. ถ้าเราจะนับว่าโลกมีตัวต่อเลโก้เท่าไหร่ให้เอาจำนวนประชากรโลกทั้งหมดคูณด้วย 65 (แค่ค่าเฉลี่ย)

6. รัฐบาลสวีเดนปรับสามีภรรยาคู่หนึ่งที่ตั้งชื่อลูกว่า "Brfxxccxxmnpcccclllmmnprxvclmnckssglbb11116”

7. คนอเมริกา 6% ไม่รู้จักชื่อเมืองหลวงของตนเอง

8. คิงโพธิ์แดงเป็นไพ่คิงใบเดียวในสำรับที่ไม่มีหนวด

9. หนูถึงจุดสุดยอดนานครึ่งชั่วโมง

10. เมืองที่มีสาวสวยที่สุดในโลกคือเมืองบัวโนสไอเรส อาร์เจนตินา

11. บริษัททำมีดโกนชื่อ Wilkinson ก่อตั้งในปี 2315 โดยดั่งเดิมมีความวชาญในการทำมีดดาบ

12. จากทารก 17000 คน จะมีเด็ก 1 คนที่เป็นเด็กเผือก

13. กล้องที่แพงที่สุดในโลกมีชื่อว่า Daguerreotype ประมูลไป 1.1 ล้านเหรียญสหรัฐ

14. น้ำนมยีราฬถูกรับรองเป็นอาหารของชาวยิวผู้เคร่งศาสนาได้

15. 22 เปอร์เซ็นต์ของผู้หญิงออสเตรเลียที่อายุเกิน 30 ปี เคยถ่ายวีดีโอในขณะมีเซ็กซ์

16. คนตัดไม้แคนนาดาใช้หมีในการไล่สัตว์อื่นๆ ออกจากป่าก่อนเข้าไปตัดไม้

17. ช้างตั้งท้องนาน 22 เดือน และช้างทารกมีน้ำหนักมากกว่า 120 กก.

18. ใน 1 วัน เลือดจะเดินทางในร่างกายประมาณ 19,300 กิโลเมตร

19. อเล็กซานเดอร์มหาราช เป็นกษัตริย์พระองค์แรกที่สั่งให้ทหารทั้งหมดโกนเคราให้เรียบร้อย หลังจากที่ทหารของพระองค์ตายจำนวนมากจากการโดนข้าศึกคว้าหนวดเคราในการต่อสู้ประชิดตัว

20. ในปี 2491 รัฐไอดาโฮเคยออกกฎหมายว่าใครเจอกันแล้วไม่ยิ้มถือว่าผิดกฎหมาย

21. รถ KITT จากซีรีย์อเมริกัน Knight Rider เคยถูกเอาไปประมูลบน ฟั ด้วยราคาเริ่มต้น 54,000 เหรียญสหรัฐ

22. คลื่นที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สูง 516 เมตร เกิดจากแผ่นดินไหว 8.3 ริกเตอร์ ในปี 2501

23. ไมอามี่เป็นเมืองเดียวในประเทศอเมริกาที่ก่อตั้งโดยผู้หญิง

24. ชายหาดที่ยาวที่สุดในโลกคือหาด Praia do Cassino ทางภาคใต้ของราซิลยาวถึง 240 กม.

25. ในปี 2463 ผู้ผลิตรถยนต์ในสหรัฐเคยผลิตรถยนต์ที่ชื่อ The Rugy


(จากนิตยสาร ZOO WEEKLY 11 AUGUST 2008 ปล.เล่มนี้นางแบบถ่ายชุดว่ายน้ำ-ชั้นในไม่สวยเท่าไหร่)

วันพุธที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

รู้หรือไม่

รู้หรือไม่ ว่าไม่ใช่แต่ผู้ชายเท่านั้นที่ขริบอวัยวะเพศแต่เด็กผู้หญิงก็"ขริบ"เหมือนกัน

การขริบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศของเด็กผู้ชายมุสลิมนั้นเป็นประเพณีที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาช้านานแม้กระทั่งผู้ที่ไม่ได้นับถือศาสนาอิสลามก็นิยมการขริบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศ เพื่อสุขอนามัยและทำให้สามารถทำความสะอาดได้สะดวก

แต่การขริบอวัยวะเพศให้เด็กหญิงนั้นตามความเชื่อของบางท้องถิ่นนี่แหล่ะน่าสยดสยองมากแม้องค์การอนามัยโลกจะประณามอย่างเปิดเผยว่าการกระทำดังกล่าวไม่จำเป็นและไม่มีบทบัญญติในศาสนาอิสลามด้วยซ้ำ

การขริบของเด็กผู้หญิงก็คือการตัดคลิตอริสและส่วนใหญ่ทำแบบไม่ฉีดยาชาในเมืองบันดุงในประเทศอินโดนีเซียนั้น97%ของเด็กผู้หญิงจะถูกขริบตอนอายุ14ปีหรือแม้แต่เด็กอายุยังไม่ถึง5ขวบก็จะโดนบังคับให้ขริบโดยถือว่าเป็นการทำให้ร่างกายสะอาดบริสุทธิ์

แม้จะมีการต่อต้านให้ประเพณีดังกล่าวให้หมดไปแต่เมื่อไม่มีคำสั่งของผู้นำศาสนาการขริบเหล่านี้ก็ยังคงมีให้เห็นต่อไป